ความเป็นมา
เริ่มจากความตั้งใจที่จะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ของ คุณวิทยา ปทุมมัง ตามรอยคำสั่งสอนของหลวงพ่อพระราชพรหมยานเถระ หรือ หลวงพ่อฤาษีลิงดำ ท่านได้เคยสอนในเรื่องของการชำระหนี้สงฆ์ แต่ก่อนนั้นครอบครัวของคุณวิทยา ถือได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีครอบครัวหนึ่ง ซื่งรายได้ส่วนหนึ่งมาจากการค้าวัตถุโบราณ และวัตถุโบราณเหล่านั้นมีที่มา ส่วนใหญ่ได้มาจากวัดวาอารามและโบราณสถานต่างๆ ถือได้ว่าเป็นการค้าวัตถุสิ่งของเหล่านั้นเป็นของสงฆ์ และเป็นแผ่นดินที่เคลื่อนย้ายมาจากธรณีสงฆ์ เป็นที่รักและหวงแหนของบรรพชนผู้สร้างไว้ในอดีต ทำให้เป็นที่มาของวิบากกรรม ที่ทำให้ครอบครัวของคุณวิทยาต้องเดือดร้อน และสูญทรัพย์สินเงินทองทั้งหมด
หลังจากที่ประสบเคราะห์กรรมมากมายในชีวิต ทำให้ย้อนไปคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และได้น้อมนำคำสั่งสอนของพ่อ แม่ ครูบาอาจารย์ มาหล่อเลี้ยงจิตใจทำให้มีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป และได้อ่านหนังสือของหลวงพ่อฤาษีลิงดำ จึงได้คิดที่จะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ ชดใช้บาปกรรมที่ครอบครัวได้กระทำมา อีกทั้งยังคิดต่อไปว่าต้องการที่จะสร้างพระชำระหนี้สงฆ์เป็นพระพุทธลักษณะใด ที่จะทำให้ผู้ร่วมบุญเกิด ปิติศรัทธา ประกอบกับมีความเคารพรักศรัทธาในองค์หลวงปู่ดู่ หลวงปู่ท่านมักจะกล่าวถึงพระพุทธรูปที่งดงาม ศักดิ์สิทธิ์ในกรุงศรีอยุธยา คือ "พระพุทธนิมิตรวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" ปางปราบมานะความถือตัว ของพญาชมพูบดีให้ละทิ้งสักกายทิฐิ จนกระทั่งสำเร็จเป็นพระอรหันต์ได้ในที่สุด
จึงได้เริ่มสร้างพระพุทธมหาจักรพรรดิ ตามปณิธานที่ได้ตั้งใจไว้ โดยเริ่มต้นจากเงินออมที่มีอยู่เพียง 2,800 บาท จากนั้นได้รู้จักกับคุณกิติ โรจนพันธ์ ซึ่งเป็นผู้มีจิตเมตตาและมีใจเป็นกุศล ได้ให้ความช่วยเหลือและเป็นกำลังสำคัญ พร้อมกับท่านผู้ใจบุญอีกหลายท่าน ได้ร่วมแรงร่วมใจรวบรวมกำลังทรัพย์ ดำเนินการสร้างพระจนได้สำเร็จเป็นองค์พระพุทธปฏิมากรทรงเครื่องราชอิสสิริยาภรณ์ ประดับเพชร , พลอย ที่สวยวิจิตรงดงาม
พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ วัดหน้าพระเมรุ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การสร้างพระครั้งนี้ได้ยึดถือเอาต้นแบบจาก "พระพุทธนิมิตวิชิตมารโมลีศรีสรรเพชญ์บรมไตรโลกนาถ" วัดหน้าพระเมรุ จ.พระนครศรีอยุธยา ซึ่งสร้างในสมัยพระเจ้าปราสาททองมาแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี และเป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง สร้างด้วยสำริดปิดทองประดับกระจกสีที่งดงามสมบูรณ์มาก ได้ดำเนินการสร้างโดยถอดแบบลวดลายต่างๆ ให้ใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด จัดสร้างเป็นพระปูนปั้น ขนาดหน้าตัก 4 ศอก ปิดทองประดับอัญมณีพร้อมฐานชุกชี ใช้เวลานานกว่า 2 ปีในการสร้าง ใช้ทุนทรัพย์จากผู้มีจิตศรัทธารวมกันกว่า 7 แสนบาท ในระหว่างนั้นมีผู้ทรงญาณซึ่งเป็นลูกศิษย์ของพระพรหมยานฯ (ฤาษีลิงดำ) ท่านหนึ่งได้บอกไว้ว่า
"นับเป็นเรื่องแปลกที่พระองค์นี้ประกอบด้วยวิญญาณแห่งสมเด็จองค์ปฐมมาโดยตลอด" และภายหลังก็มีครูบาอาจารย์อีกหลายๆท่านได้พูดสอดคล้องกัน ด้วยเหตุนี้ทางกองทุนคุณพระจึงถวายพระนามว่า "พระพุทธสิกขีทศพลที่ 1 สมเด็จองค์ปฐม บรมจักรพรรดิรัตนตรัยยาธิคุณ" ภายในราวเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2545 ในประดิษฐาน ณ วัดโขงขาว อ.หางดง จ.เชียงใหม่ มาจวบจนทุกวันนี้